วิธีเริ่มต้นการใช้งาน Omise Payment

All_Plan.png

 

ในบทความนี้เราจะแนะนำวิธีการเริ่มต้นการใช้งาน Omise Payment ในหัวข้อดังต่อไปนี้:

เราขอแนะนำให้คุณเตรียมรายละเอียดและเอกสารต่างๆ ของธุรกิจให้พร้อมก่อนเริ่มการสมัครเข้าใช้งาน

 

A. รายการตรวจสอบเอกสาร KYC

สำหรับธุรกิจ ตรวจสอบเอกสารตามรายการดังนี้:

  • หนังสือจดทะเบียนบริษัท (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
  • ตรายางบริษัท (บอจ 3)
  • บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ 5)
  • ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม - ภ.พ.20 (ไม่จำเป็น)
  • บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นมากกว่า 25% ของหุ้นบริษัท (หนังสือเดินทางสำหรับชาวต่างชาติ)
  • บัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ
  • สำหรับชาวต่างชาติ หนังสือเดินทาง, ใบอนุญาตทำงาน และหลักฐานที่อยู่อาศัย
    • ทะเบียนบ้านต่างชาติ แบบสีเหลือง (ท.ร.13) หรือ
    • รายการเดินบัญชีธนาคาร/บัตรเครดิต หรือใบเรียกเก็บค่าสาธารนูปโภค (ค่าไฟ, ค่าอินเทอร์เน็ต, ค่าแก๊ส)
      ที่แสดงชื่อนามสกุลและที่อยู่ปัจจุบัน
  • หน้าแรกสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารในประเทศไทยที่แสดงหมายเลขบัญชีธนาคารที่คุณใช้รับรายได้ ชื่อบัญชีจะต้องตรงกับชื่อบริษัทที่ระบุอยู่ในเอกสารของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
  • รายการเดินบัญชีธนาคาร (อาจจะมีการเรียกดูข้อมูลในบางกรณี)

โปรดทราบ*: เอกสารทุกฉบับจะต้องลงนามโดยกรรมการผู้มีอำนาจและรับรองเอกสาร “รับรองสำเนาถูกต้อง” พร้อมประทับตรายางบริษัท

เอกสารเพิ่มเติมตามประเภทธุรกิจ:

ประเภทธุรกิจ

เอกสารเพิ่มเติม

ธุรกิจแฟชั่น

  • ลิขสิทธิ์ของสินค้า เช่น Nike, Adidas:
    • ใบรับรองผู้จัดจำหน่ายที่ถูกต้อง/ข้อตกลงหรือใบอนุญาตสิทธิ์ของเจ้าของแบรนด์สินค้าหรือผู้จัดจำหน่าย
  • ไม่ใช่สินค้าลิขสิทธิ์ (อย่างใดอย่างนึง)
    • ใบกำกับภาษีหรือใบสั่งซื้อสินค้าระหว่างร้านค้าและผู้จำหน่าย
    • ใบอนุญาตเครื่องหมายการค้า
    • ใบอนุญาตการนำเข้า
    • ใบตราส่งสินค้าทางทะเล (B/L)

*หมายเหตุ: หลักฐานสินค้าจะต้องแสดงชื่อร้านค้า (ในฐานะผู้ซื้อ)/ผู้จำหน่ายและรายการของสินค้า (อนุญาตให้เจ้าของไม่เปิดเผยราคาสินค้าได้)

ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์

  • ลิขสิทธิ์ของสินค้า เช่น Samsung, Toshiba:
    • ใบรับรองผู้จัดจำหน่ายที่ถูกต้อง/ข้อตกลงหรือใบอนุญาตสิทธิ์ของเจ้าของแบรนด์สินค้าหรือผู้จัดจำหน่าย
  • ไม่ใช่สินค้าลิขสิทธิ์ (อย่างใดอย่างนึง)
    • ใบกำกับภาษีหรือใบสั่งซื้อสินค้าระหว่างร้านค้าและผู้จำหน่าย
    • ใบอนุญาตเครื่องหมายการค้า
    • ใบอนุญาตการนำเข้า
    • ใบตราส่งสินค้าทางทะเล (B/L)

*หมายเหตุ: หลักฐานสินค้าจะต้องแสดงชื่อร้านค้า (ในฐานะผู้ซื้อ)/ผู้จำหน่ายและรายการของสินค้า (อนุญาตให้เจ้าของไม่เปิดเผยราคาสินค้าได้)

ธุรกิจอาหาร

  • อาหารโฮมเมด/อาหารจัดส่งทุกวัน
    • ไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาต
  • อาหารสด/ ดิบ/ ปรุงสุก/ เก็บรักษาหรือไม่เก็บรักษา/ อาหารแปรรูปหรือไม่ได้แปรรูป (ต้องแสดงเอกสารทั้งหมด)
    • ใบอนุญาตจาก​สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) บนสินค้า
    • หลักฐานของสินค้า เช่น ใบกำกับภาษี/ใบสั่งซื้อสินค้าระหว่างร้านค้าและผู้จำหน่าย
  • อาหารแช่แข็ง (ต้องแสดงเอกสารทั้งหมด)
    • ใบอนุญาตการเก็บอาหาร
    • ใบอนุญาตจาก​สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) บนสินค้า
  • ร้านอาหาร (ต้องแสดงเอกสารทั้งหมด)
    • ใบอนุญาตร้านอาหาร
    • ใบอนุญาตจาก​สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) บนสินค้า
  • อาหารนำเข้า (ต้องแสดงเอกสารทั้งหมด)
    • ใบอนุญาตนำเข้าอาหาร
    • ใบอนุญาตการเก็บอาหาร
    • หลักฐานของสินค้า เช่น ใบกำกับภาษี/ใบสั่งซื้อสินค้าระหว่างร้านค้าและผู้จำหน่าย (หากมี)

*หมายเหตุ: 

  • ต้องมีใบอนุญาตโรงงาน หากโรงงานอาหารมีอัตราการทำงานมากกว่า 50 แรงม้าหรือคนงาน 50 คน
  • หลักฐานสินค้าจะต้องแสดงชื่อร้านค้า (ในฐานะผู้ซื้อ)/ผู้จำหน่ายและรายการของสินค้า (อนุญาตให้เจ้าของไม่เปิดเผยราคาสินค้าได้)

ธุรกิจสุขภาพและความงาม

  • อุปกรณ์/เครื่องมือ (B2C) เช่น ถุงยางอนามัย, คอนเทคเลนส์, มาส์กหน้า LED, สินค้าดูแลผิวหน้าอื่นๆ (ต้องแสดงเอกสารทั้งหมด)
    • ใบอนุญาตจาก​สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) สำหรับอุปกรณ์
    • หลักฐานของสินค้า เช่น ใบกำกับภาษี/ใบสั่งซื้อสินค้าระหว่างร้านค้าและผู้จำหน่าย
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไป เช่น ครีมทาผิว, เซรั่ม (ต้องแสดงเอกสารทั้งหมด)
    • ใบอนุญาตจาก​สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) สำหรับผลิตภัณฑ์
    • หลักฐานของสินค้า เช่น ใบกำกับภาษี/ใบสั่งซื้อสินค้าระหว่างร้านค้าและผู้จำหน่าย
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ต้องแสดงเอกสารทั้งหมด)
    • ใบอนุญาตจาก​สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) สำหรับผลิตภัณฑ์
    • หลักฐานของสินค้า เช่น ใบกำกับภาษี/ใบสั่งซื้อสินค้าระหว่างร้านค้าและผู้จำหน่าย

*หมายเหตุ: 

  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่อนุญาตให้จัดส่งออกนอกประเทศไทย
  • อุปกรณ์/เครื่องมือใดๆ ที่อยู่ภายใต้อุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อสุขภาพและความงาม เช่น เครื่องเลเชอร์ผิวหนัง เป็นต้น จะต้องแสดงเอกสารทั้งหมด
    • ใบอนุญาตจาก​สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) สำหรับอุปกรณ์
    • ใบอนุญาตการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์
    • ใบอนุญาตการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์
    • ใบอนุญาตการทำการตลาดอุปกรณ์ทางการแพทย์
    • ใบอนุญาตการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ (หากร้านค้าเป็นผู้ผลิต)

ธุรกิจการอบขนม

  • ใบอนุญาตการเก็บอาหาร
  • ใบอนุญาตจาก​สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสินค้า (ไม่จำเป็นต้องแสดงสำหรับการอบแบบสดใหม่ และในกรณีที่ร้านค้าขายให้ลูกค้าโดยตรง)
  • หลักฐานของสินค้า เช่น ใบกำกับภาษี/ใบสั่งซื้อสินค้าระหว่างร้านค้าและผู้จำหน่าย (ไม่จำเป็นหากร้านค้าดำเนินการอบขนมด้วยตนเอง)

*หมายเหตุ: หลักฐานสินค้าจะต้องแสดงชื่อร้านค้า (ในฐานะผู้ซื้อ)/ผู้จำหน่ายและรายการของสินค้า (อนุญาตให้เจ้าของไม่เปิดเผยราคาสินค้าได้)

ธุรกิจเครื่องดื่ม

  • เครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ (ต้องแสดงเอกสารทั้งหมด)
  • ใบอนุญาตจาก​สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสินค้า
    • หลักฐานของสินค้า เช่น ใบกำกับภาษี/ใบสั่งซื้อสินค้าระหว่างร้านค้าและผู้จำหน่าย
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (อนุญาตเฉพาะ B2B เท่านั้น)
    • ใบอนุญาตการขายแอลอฮอล์
    • ใบอนุญาตการนำเข้าแอลอฮอล์ (หากร้านค้าเป็นผู้นำเข้า)

 

สำหรับบุคคลทั่วไป ตรวจสอบเอกสารตามรายการดังนี้:

  • บัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของ
  • หน้าแรกสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารในประเทศไทย
  • หลักฐานสินค้า: สัญญาตัวแทนจำหน่าย หรือหนังสือสำคัญการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือ ใบกำกับภาษี

โปรดทราบ*: เอกสารทุกฉบับจะต้องลงนามและรับรองเอกสาร “รับรองสำเนาถูกต้อง”

หลักเกณฑ์การอนุมัติผู้ค้า: https://www.omise.co/th/prohibited-businesses/thailand

 

หมายเหตุ: หากส่งเอกสารที่จำเป็นไม่ครบถ้วน จะส่งผลให้การดำเนินการอนุมัติล่าช้า

 

ข้อกำหนดของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

  • นโยบายธุรกิจ (การยกเลิก, การคืนเงิน, การส่งคืน หรือการจัดส่ง)
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะต้องระบุข้อมูลจากลิงก์ดังต่อไปนี้: https://www.omise.co/th/what-are-the-required-policies-on-the-merchants-website/thailandte
  • ชื่อบริษัท, เบอร์โทรศัพท์, อีเมลและที่อยู่จะต้องปรากฎให้เห็นบนแพลตฟอร์ม
  • เว็บไซต์จะต้องอยู่ในรูปแบบ HTTPS
  • รายละเอียดสินค้าและราคาจะต้องแสดงรายละเอียดชัดเจนพร้อมกับแบบฟอร์มการชำระเงิน

คุณสามารถค้นหาตัวอย่างนโยบายการคืนเงิน, นโยบายการยกเลิกสินค้าและนโยบายความเป็นส่วนตัวได้จากเว็บไซต์ด้านล่างนี้

https://www.levis.co.th/return-policy

 

B. ขั้นตอนการสมัคร

ขั้นตอนที่ 1

ลงทะเบียนสำหรับบัญชีโดยไปที่เว็บไซต์ https://www.omise.co/th/thailand จากนั้นคลิก [สร้างบัญชี]

TH_Omise-1.png

 

ขั้นตอนที่ 2

กรอกข้อมูลรหัสการเข้าสู่ระบบ จากนั้นคลิก “สมัครบัญชี” เลือก ประเทศไทย เป็นประเทศ
ผู้ให้บริการ จากนั้นตรวจสอบเงื่อนไขและข้อตกลงการใช้บริการ

TH_Omise-3.png

TH_Omise-2.png

 

ขั้นตอนที่ 3

เปิดโหมดใช้งานจริง เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว คลิกที่แท็บโหมดใช้งานจริง

TH_Omise-6.png

 

ขั้นตอนที่ 4

คลิก “กรอกใบสมัคร”

TH_Omise-4.png

 

ขั้นตอนที่ 5

กรอกรายละเอียดธุรกิจของคุณลงในช่องที่กำหนด

  • ช่องทางการรับชำระเงินในขั้นตอนการกรอกรายละเอียดธุรกิจ: กรุณาเลือกช่องทางการรับชำระเงินเป็นบัตรเครดิต/บัตรเดบิต เท่านั้น*

TH_Omise-7.png

*หมายเหตุ: ปัจจุบันเรายังไม่รองรับช่องทางการรับชำระเงินอื่นๆ นอกเหนือจากบัตรเครดิต/บัตรเดบิต

 

ขั้นตอนที่ 6

เพื่อเพลิดเพลินไปกับอัตราพิเศษ กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ระบุ “Referred by SHOPLINE” ใต้เว็บไซต์ตัวอย่าง

TH_Omise-5.png

ขั้นตอนที่ 7

อัปโหลดเอกสารที่กำหนดทั้งหมดตามรายการตรวจสอบเอกสาร KYC

 

ขั้นตอนที่ 8

ตรวจสอบรายละเอียดที่ได้กรอกลงไปในใบสมัครของคุณ จากนั้นคลิก “ส่งใบสมัคร” เพื่อเสร็จสิ้น

 

หมายเหตุ: การตรวจสอบเอกสารและการเปิดบัญชีจะใช้เวลาดำเนินการ 15-20 วันทำการ

 

 

C. อัตราพิเศษสำหรับ SHOPLINE x Omise

ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม:

ช่องทางการชำระเงิน ค่าธรรมเนียมส่วนลดร้านค้า (MDR*)
บัตรเครดิต/เดบิต 2.90%

*อัตราข้างต้นไม่รวม VAT 7%

 

ค่าธรรมเนียมการถอนเงิน:

จำนวนเงินที่ถอน ค่าธรรมเนียมถอน (บาท)/ครั้ง
30 - 2,000,000 บาท 30
มากกว่า 2,000,000 บาท 150

 

ระยะเวลาการถือครอง:

ระยะเวลาการถือครอง (วัน) 3

 

  • ค่าลงทะเบียน (5,000 บาท) - ยกเว้น
  • ค่าบำรุงรักษารายเดือน (4,000 บาท) - ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมรับรองความถูกต้อง (1 บาท/ธุรกรรม) - ยกเว้น
  • โทเคน Token-on-file (10 บาท/บัตร) - ยกเว้น

 

หากมีคำถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อได้ที่เว็บไซต์ของเรา
https://www.omise.co/th/support/thailand 

 

ทีมช่วยเหลือลูกค้า Omise

อีเมล : support@omise.co

เวลาทำการ : 8.00-20.00 (วันจันทร์-ศุกร์) 9.00-18.00 (วันเสาร์-อาทิตย์)

เบอร์โทรศัพท์ : 02-2528777

 

D. บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

 

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
0 จาก 0 เห็นว่ามีประโยชน์
มีคำถามเพิ่มเติมหรือไม่ ส่งคำร้องขอ

ข้อคิดเห็น