บทความนี้จะครอบคลุมหัวข้อดังต่อไปนี้:
- เมื่อไหร่ที่ต้องใช้ UTM ?
- จะดึงข้อมูล UTM ได้อย่างไร ?
- สิ่งที่ควรรู้
เมื่อไหร่ที่ต้องใช้ UTM ?
ประโยชน์อย่างหนึ่งของการทำธุรกิจออนไลน์คือการบันทึกข้อมูลจำนวนมากผ่านอินเทอร์เน็ต และผู้ค้าสามารถติดตามที่มาของลูกค้าที่เข้ามาในร้านค้าหรือดูสินค้า รวมถึงสามารถระบุได้ว่ามาจากแผนการตลาดใดหรือช่องทางใด
พารามิเตอร์ Urchin Tracking Module (UTM) คือแคมเปญการตลาดที่คอยบันทึกแท็กต่างๆ สำหรับการประเมินผล/ ทบทวนหลังการทำแคมเปญ โดยควรมีการกำหนดพารามิเตอร์ UTM สำหรับลิงก์ต่างๆ เมื่อมีการจัดทำแคมเปญการตลาด และพารามิเตอร์ UTM จะทำการสำรวจจากช่องทางโปรโมชั่นต่างๆ อาทิ Google Ads, โพสต์บน Facebook, วิดีโอ และอีเมล ว่าช่องทางใดที่นำลูกค้ามายังร้านค้าออนไลน์ของผู้ค้า
ผู้ค้าสามารถดูผลของแคมเปญการตลาดด้วยพารามิเตอร์ UTM ใน Google Analytics และแผงผู้ดูแลระบบของ SHOPLINE โดยพารามิเตอร์ UTM สามารถส่งออก (export) พร้อมๆ กับรายงานคำสั่งซื้อสินค้าและลูกค้าได้ในระบบของ SHOPLINE ซึ่งจะช่วยให้ผู้ค้าสามารถประเมินและทบทวนแผนการตลาดเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จะดึงข้อมูล UTM ได้อย่างไร ?
ในระหว่างการส่งออก (export) ข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งซื้อและลูกค้า คุณจะเห็นช่อง 7 ช่องเกี่ยวกับ พารามิเตอร์ UTM ที่ผู้ค้าสามารถเลือกได้เพื่อส่งออก (export) รายงาน
จะเห็นว่ามี 2 ช่องที่มีให้จาก SHOPLINE ได้แก่
- เวลาที่คลิก UTM
ช่องนี้จะบันทึกเวลาที่ลูกค้าคลิกลิงก์ที่มีพารามิเตอร์ UTM ผู้ค้าจะเห็นความสัมพันธ์ของเวลาระหว่างแคมเปญการตลาดและเวลาที่มีการสั่งซื้อสินค้า - แหล่งที่มา/ Medium ของ UTM
ช่องนี้เป็นการรวมของแหล่งที่มาและช่องทางของ UTM โดยผู้ค้าจะสามารถเปรียบเทียบข้อมูลการซื้อจากแหล่งที่มาเดียวกันแต่คนละช่องทางได้โดยตรง
สิ่งที่ควรรู้
คำถามที่ 1: พารามิเตอร์ UTM จะสามารถบันทึกคำสั่งซื้อสินค้า/ ลูกค้าได้อย่างไร ?
คำตอบ:
สถานการณ์ที่ 1
เมื่อลูกค้าคลิกลิงก์ที่มีพารามิเตอร์ UTM และสั่งซื้อสินค้าเรียบร้อยภายใน 180 วันและไม่ได้มีการลบรายการใดๆ ในเบราว์เซอร์ ระบบของ SHOPLINE จะบันทึกพารามิเตอร์ UTM ที่มีคำสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวนี้ หลังจากนั้นผู้ค้าสามารถบันทึกพารามิเตอร์ UTM กับคำสั่งซื้อสินค้านี้ในระหว่างส่งออก (export) รายงาน
สถานการณ์ที่ 2
เมื่อลูกค้าคลิกลิงก์ที่มีพารามิเตอร์ UTM และสั่งซื้อสินค้าหลายๆ รายการเรียบร้อยภายใน 180 วันและไม่ได้มีการลบรายการใดๆ ในเบราว์เซอร์ ระบบของ SHOPLINE จะบันทึกพารามิเตอร์ UTM ที่มีคำสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวนี้ หลังจากนั้นผู้ค้าสามารถบันทึกพารามิเตอร์ UTM กับคำสั่งซื้อสินค้านี้ในระหว่างส่งออก (export) รายงาน
คำถามที่ 2: เมื่อใดที่พารามิเตอร์ UTM จะไม่บันทึกคำสั่งซื้อสินค้า ?
คำตอบ:
สถานการณ์ที่ 1
เมื่อลูกค้าคลิกลิงก์ที่ไม่มีพารามิเตอร์ UTM เช่น ไม่ได้มาจากแคมเปญการตลาด
สถานการณ์ที่ 2
เมื่อลูกค้าคลิกลิงก์ที่มีพารามิเตอร์ UTM แต่เคลียร์รายการในเบราว์เซอร์ก่อนซื้อสินค้าเรียบร้อย
สถานการณ์ที่ 3
เมื่อลูกค้าคลิกลิงก์ที่มีพารามิเตอร์ UTM แต่ซื้อสินค้าเรียบร้อยหลังจากผ่าน 180 วันไปแล้ว
คำถามที่ 3: เหตุใดข้อมูลจึงไม่เหมือนกับข้อมูล conversion ใน Google Analytics ?
คำตอบ: วิธีการเก็บข้อมูลและช่วงเวลาการเรียกดูข้อมูลนั้นต่างกันสำหรับทุกๆ เครื่องมือการติดตาม (tracking tools) ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ผลการติดตาม (tracking results) จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งเกิดจากการใช้เครื่องมือติดตาม (tracking tools) ที่แตกต่างกัน
คำถามที่ 4: ทำไมข้อมูลของ SHOPLINE แตกต่างจากข้อมูลการเปลี่ยนเป็นลูกค้า (conversion) ของ Google Analytics ?
แต่ละเครื่องมือเก็บข้อมูลไม่เหมือนกันอีกทั้งยังมีช่วงเวลาบ่งชี้ที่หลากหลาย ด้วยเหตุนี้เองข้อมูลจึงมีความคลาดเคลื่อนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในเครื่องมือแต่ละชนิด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ
ข้อมูล UTM ในรายงานคำสั่งซื้อของ SHOPLINE ที่บันทึกจากระบบของ SHOPLINE ไม่ได้มาจากเครื่องมือ Google Analytics ดังนั้นการแสดงผลข้อมูลอาจะมีความแตกต่างกัน
คำถามที่5: ฉันจะเพิ่มพารามิเตอร์ UTM ไปยัง URL ได้อย่างไร?
คุณสามารถใช้งาน ตัวสร้างแคมเปญ URL ของ Google เพื่อสร้าง URL ต่างๆพร้อมกับพารามิเตอร์ UTM
ข้อคิดเห็น